วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

Personal Summary and Reflection

Personal Summary and Reflection 
วิชา 
219 730  แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร  วันที่  23  สิงหาคม  2551
นางสาวศุภธิดา  ศรีพงษ์วิวัฒน์  รหัสประจำตัว  517050028-3
สาขาวิชาหลักสูตรและการเรียนการสอน  ระดับปริญญาเอก โครงการพิเศษ


1.  Understanding
การนำหลักสูตรไปใช้
            การนำหลักสูตรไปใช้  เป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาหลักสูตร  เพราะเป็นการนำอุดมการณ์  จุดหมายของหลักสูตร  เนื้อหาวิชาและประสบการณ์การเรียนรู้ที่คัดสรรอย่างดีแล้วไปสู่ผู้เรียน        หลังจากได้ร่างหลักสูตรเสร็จเรียบร้อยและนำหลักสูตรไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน McNeil (1981 : 80 – 81 อ้างถึงในสงัด อุทรานันท์ , 2528 : 259 – 260) ได้จำแนกประเภทของหลักสูตรโดยพิจารณาจากตั้งแต่เริ่มร่างหลักสูตรจนถึงระดับสุดท้ายเป็น
1.                  หลักสูตรระดับอุดมการณ์ (Ideal Curriculum) หมายถึงหลักสูตรในทัศนะของคณะกรรมการผู้ยกร่างหลักสูตร ซึ่งผู้ร่างหลักสูตรจะพยายามถ่ายทอดความคิดของตนเองไปสู่หลักสูตรที่ร่าง เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะเป็นไปตามที่ผู้ร่างหลักสูตรต้องการ
2.                  หลักสูตรระดับเอกสาร (Formal Curriculum) หมายถึงหลักสูตรที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงเอกสารหลักสูตร คู่มือครู ตำราต่างๆ สิ่งต่างๆ เหล่านนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่จะนำไปสอนนักเรียน
3.                  หลักสูตรระดับการรับรู้ (Perceived Curriculum) หมายถึงหลักสูตรในสายตาของครูผู้ใช้หลักสูตร เป็นระดับของการนำหลักสูตรไปใช้ ถ้าครูผู้ใช้หลักสูตรมีความเข้าใจในเจตนารมณ์ของผู้ร่างหลักสูตร จำสามารถนำหลักสูตรไปใช้ตรงตามอุดมการณ์ของ    ผู้ร่างหลักสูตร
4.                  หลักสูตรระดับปฏิบัติการ (Operational Curriculum) หมายถึงหลักสูตรที่ครูนำไปใช้สอนจริงในห้องเรียน เป็นหลักสูตรที่นำไปใช้ในสถานการณ์จริง
5.                  หลักสูตรระดับประสบการณ์ (Experiental Curriculum) หมายถึงสิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากหลักสูตรโดยตรง ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถรับรู้ได้เท่าใดก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้จากหลักสูตรนั้นๆ โดยตรง ผู้เรียนแต่ละคนอาจจะรับรู้หลักสูตรเดียวกันโดยครูคนเดียวกัน ในเวลาเดียวกันได้แตกต่างกัน ประสบการณ์ที่เด็กได้รับจริงถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางของหลักสูตร
            สงัด อุทรานันท์ (2528 : 261) ได้จำแนกผู้ใช้หลักสูตรออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่
1.         หน่วยงานส่วนกลาง เป็นหน่วยงานหรือคณะบุคคลที่ทำหน้าที่พัฒนาหลักสูตรเพื่อให้หน่วยงานในระดับท้องถิ่นนำไปใช้
2.                  หน่วยงานส่วนท้องถิ่น หมายถึง  หน่วยงานที่นำหลักสูตรที่สร้างขึ้นไปสู่การเรียนการสอน
            การนำหลักสูตรไปใช้เป็นขั้นตอนที่นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติเป็นงานที่มีขอบเขตกว้างขวาง  ซึ่งสามารถสรุปความหมายของการนำไปหลักสูตรไปใช้  คือ
            การนำหลักสูตรไปใช้  หมายถึง  การดำเนินงานและกิจกรรมต่าง    ในอันที่จะทำให้หลักสูตรที่สร้างขึ้นดำเนินไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  นับแต่การเตรียมบุคลากร  อาคารสถานที่  วัสดุอุปกรณ์  สภาพแวดล้อม  และการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน
            การนำหลักสูตรไปใช้เป็นงานหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย  นับแต่ผู้บริหารระดับกระทรวง  กรม  กอง  ผู้บริหารระดับโรงเรียน  ครูผู้สอน  ศึกษานิเทศก์  และบุคคลอื่น    ขอบเขตและงานของการนำหลักสูตรไปใช้เป็นงานที่มีขอบเขตกว้างขวาง  เพราะฉะนั้นการนำหลักสูตรไปใช้จึงเป็นสิ่งที่ต้องอย่างรอบคอบและระมัดระวัง  โดยสามารถสรุปขั้นตอนของการนำหลักสูตรไปใช้ได้ดังนี้
            1.  ขั้นการเตรียมการใช้หลักสูตร
2.  ขั้นดำเนินการใช้หลักสูตร
3.  ขั้นติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร

          การเตรียมการใช้หลักสูตร
          การนำหลักสูตรที่สร้างขึ้นไปใช้นับว่าเป็นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ไปใช้  จึงมีความจำเป็นต้องมั่นใจได้ว่า สิ่งที่จะนำไปใช้ต้องมีความพร้อมและสมบูรณ์เพียงพอ  สามารถทำได้ดังนี้
          1.  การประเมินหลักสูตรแม่บทก่อนนำไปใช้/การตรวจสอบลักษณะหลักสูตรเพื่อดูความชัดเจนของหลักสูตร ผู้ประเมินต้องทบทวนองค์ประกอบของหลักสูตรทั้งหมดตั้งแต่ จุดหมาย จุดประสงค์ รูปแบบ โครงร้าง เนื้อหา ยุทธศาสตร์การเรียนการสอน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ สื่อการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบเหล่านั้นเหมาะสมกับสภาพหรือความต้องการของท้องถิ่นที่จะนำหลักสูตรไปใช้หรือไม่ ในการตรวจสอบองค์ประกอบของหลักสูตรผู้ประเมินควรมีการศึกษาข้อมูลจากเอกสารพัฒนาหลักสูตรที่ผู้ทำหลักสูตรจัดทำขึ้นเช่นรายงานการประชุม บทความเอกสาร รายงานการประเมิน ฯลฯ หรืออาจศึกษาหลักสูตรของประเทศใกล้เคียงเพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบ
          2.  การประเมินผลความพร้อมของผู้เรียน ผู้สอนและชุมชน จุดประสงค์ของการประเมินเพื่อทราบข้อมูลของผู้นำหลักสูตรไปใช้และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความพร้อมและเต็มใจที่จะรับ วิธีการประเมินอาจใช้การสนทนา การสัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถาม การทดสอบ
            -  ความพร้อมผู้เรียนอาจตรวจสอบจากผลการเรียน การสนทนา สัมภาษณ์ การทดสอบ
            -  ความพร้อมของครู พิจารณาจากพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์การปฏิบัติการสอนของครู
            -  ความพร้อมของโรงเรียน เช่นระบบบริหาร วิธีการจัดการเรียนการสอน วัสดุ อุปกรณ์
            -  ความพร้อมของผู้ปกครอง ชุมชน เช่นความพึงพอใจของผู้ปกครอง ชุมชนต่อโรงเรียน การยอมรับของชุมชนต่อหลักสูตร
3. การประชาสัมพันธ์หลักสูตร การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรย่อมส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารการศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน เนื่องจากการหลักสูตรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในห้อง
เรียนเท่านั้น  แต่ยังเกี่ยวข้องกับวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ อาคารสถานที่ งบประมาณ  จึงจำเป็นที่ต้องแจ้งข้อมูลให้บุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ โดยการประชาสัมพันธ์ควรเริ่มตั้งแต่ที่มีแผนที่จะปรับปรุงหลักสูตร และประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องเป็นระยะๆ จนถึงเมื่อมีการใช้หลักสูตรจริง รูปแบบการประชาสัมพันธ์หลักสูตรได้แก่ การใช้เอกสารสิ่งพิมพ์ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนเช่นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ
          4. การเตรียมบุคลากร บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรได้แก่
                        4.1 การเตรียมครูผู้สอน ครูผู้สอนถือว่าเป็นผู้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นผู้นำเอาหลักสูตรไปใช้ในห้องเรียน โดยต้องเตรียมครูให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตร ทักษะการใช้หลักสูตร เจตคติที่มีต่อหลักสูตร จุดหมายหลักการของหลักสูตร โครงสร้างและเนื้อหาของหลักสูตร ทักษะเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การสอน การปกครองชั้นเรียน การประเมินผลการเรียนรู้ โดยสิ่งที่สำคัญคือทักษะในการสอนของครู โดยครูต้องทราบทักษะที่จำเป็นในการสอนและสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสอน
                   4.2 การเตรียมศึกษานิเทศก์และนักแนะแนวการศึกษา ซึ่งบุคคลทั้ง 2 กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้ให้คำแนะนำครูและบุคลากรในสถานศึกษา โดยศึกษานิเทศก์และนักแนะแนวการศึกษาต้องทราบนโยบาย จุดมุ่งหมายของการศึกษา จุดมุ่งหมายของหลักสูตรตลอดจนองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องและต้องสามารถวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีผลต่อการนิเทศและการแนะแนวอย่างไร จะปรับปรุงแผนการดำเนินงานอย่างไร
                        4.3  การเตรียมผู้บริหาร  ซึ่งหมายถึง  ผู้บริหารทุกระดับ  โดยเฉพาะผู้บริหารโรงเรียนจะต้องรับทราบนโยบายเป็นอย่างดี  และจะต้องสำรวจให้ทราบถึงสภาพและปัญหาของโรงเรียนและสถานศึกษาในความดูแลของตน  เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขได้ถูกต้อง  ผู้บริหารโรงเรียน  จะเป็นผู้ที่คอยควบคุมกำกับแนะนำ  และส่งเสริมครูให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
            5.  การเตรียมวัสดุ  อุปกรณ์  สื่อการเรียนการสอน  เครื่องมือเครื่องใช้  อาคารสถานที่  หลักสูตรใหม่ย่อมต้องการสิ่งใหม่    หลายอย่าง  ดังนั้นจะต้องมีการจัดหาไว้ให้พร้อมถ้าจำเป็นต้องมีการปรับปรุงอาคารสถานที่ก็จะต้องมีการวางแผน  และดำเนินการ
            6.  การเตรียมระบบบริหารสถานศึกษา  ระบบบริหารตลอดจนระเบียบข้อบังคับของโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีใช้อยู่นั้น  ควรจะมีส่วนช่วยให้หลักสูตรมีความคล่องตัว  ถ้าไม่คล่องตัวมีอะไรติดขัดก็ควรแก้ไขเสีย
          7.  การเตรียมงบประมาณ ค่าใช้จ่าย  ควรมีการวางแผนการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบและใช้หลักวิชา  ควรใช้เงินให้มีประโยชน์สูงสุด  ประหยัด  และมีประสิทธิภาพ
            8.  การเตรียมชุมชนและสังคม  เมื่อนำหลักสูตรมาใช้ทางโรงเรียนจะต้องร่วมมือกับชุมชนในโครงการต่าง ๆ ดังนั้นการได้รับความร่วมมือกับชุมชนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงควรมีการประชาสัมพันธ์ได้รับทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของหลักสูตร

การวางแผนนำหลักสูตรใหม่เข้าแทนที่หลักสูตรเดิม  มีหลักสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอยู่  3 ประการคือ
1.      การดำเนินการเปลี่ยนแปลงต้องให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.      ต้องให้ผู้ที่เรียนหลักสูตรเดิมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
3.      ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานทั้งหลักสูตรใหม่และหลักสูตรเดิม
            จากประเด็นการนำหลักสูตรไปใช้ดังได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด  สามารถสรุปเป็นหลักการสำคัญในการนำหลักสูตรไปใช้ได้ดังนี้  
            1. จะต้องมีการวางแผนและเตรียมการในการนำหลักสูตรไปใช้  ทั้งนี้บุคลากรผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะได้ศึกษาวิเคราะห์  ทำความเข้าใจหลักสูตรที่จะนำไปใช้ให้มีความเข้าใจตรงกันเพื่อ ให้การปฏิบัติเป็นไปในทำนองเดียวกัน  และสอดคล้องต่อเนื่องกัน   
            2. จะต้องมีคณะบุคคลทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นที่จะต้องทำหน้าที่ประสานงานกันเป็นอย่างดีในแต่ละขั้นตอนของการนำหลักสูตรไปใช้ 
            3.  การนำหลักสูตรไปใช้จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ  เป็นไปตามขั้นตอนที่วางแผนและเตรียมการไว้
            4.  การนำหลักสูตรไปใช้จะต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การนำหลักสูตรไปใช้ประสบความสำเร็จได้  ปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นก็คือ  งบประมาณ  วัสดุอุปกรณ์  เอกสารหลักสูตรต่างๆ ตลอดจนสถานที่ต่างๆ  ที่จะเป็นแหล่งให้ความรู้ประสบการณ์  สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการจัดเตรียม  และพร้อมที่จะให้การสนับสนุน
            5.  ครูจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่และจริงจัง  เริ่มตั้งแต่การอบรมให้ความรู้  ความเข้าใจทักษะ  และเจตคติเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรอย่างเข้มข้น  การให้การสนับสนุนด้านปัจจัยต่าง ๆ  แก่ครู  ได้แก่  การติดตามประเมินผลการปฏิบัติการสอนของครูอย่างเป็นระบบ  และการพัฒนาตัวครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน
            6.  การนำหลักสูตรไปใช้  ควรจัดตั้งให้มีหน่วยงานที่มีผู้ชำนาญการพิเศษ  เพื่อให้การสนับสนุนและพัฒนาครู  โดยทำหน้าที่นิเทศ  ติดตามผลการนำหลักสูตรไปใช้  และควรปฏิบัติงานร่วมกับครูอย่างใกล้ชิด
            7.  หน่วยงานและบุคลากรในฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้ไม่ว่าจะเป็นส่วนกลางหรือส่วนท้องถิ่น  ต้องปฏิบัติงานในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถในส่วนที่รับผิดชอบ 
            8.  การนำหลักสูตรไปใช้สำหรับผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องทุกฝ่าย  ทุกหน่วยงานจะต้องมีการติดตามและประเมินผลเป็นระยะๆ เพื่อจะได้นำข้อมูลต่างๆ มาประเมิน  วิเคราะห์  เพื่อพัฒนา  ปรับปรุง  เปลี่ยนแปลงและการวางแนวทางในการนำหลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

2.  Reflection
            จากการศึกษาเรื่องของการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะนำหลักสูตรไปใช้  ทำให้ได้ทราบว่าการนำหลักสูตรไปใช้เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่ายตั้งแต่ระดับกระทรวงถึงสถานศึกษา  แต่ละฝ่ายมีความเกี่ยวข้องในแต่ละส่วนของการนำหลักสูตรไปใช้  เช่น  หน่วยงานส่วนกลาง  เกี่ยวข้องในด้านการบริหารและบริการ  หลักสูตรกับการนิเทศและติดตามผลการใช้หลักสูตร  ผู้บริหารสถานศึกษาเกี่ยวข้องในด้านการบริหารและบริการหลักสูตร  การจัดปัจจัยและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในสถานศึกษา  ครูผู้สอน  เกี่ยวข้องในด้านการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุจุดหมายของหลักสูตรในการนำหลักสูตรไปใช้   รวมถึงการประชาสัมพันธ์หลักสูตร  และการเตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งจะเห็นได้ว่าในขั้นตอนนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ ฝ่าย  และที่สำคัญที่สุดคือครูผู้สอน
            บรรยากาศในห้องเรียน  ผู้เรียนได้มีการอภิปรายร่วมกัน  ทำให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น  พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมอง  และประเด็นปัญหาจากประสบการณ์ของผู้เรียนแต่ละคน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น