1.หลักสูตรสถานศึกษามีความสำคัญหรือจำเป็นอย่างไร
ตอบ 1. เป็นเอกสารของทางราชการ เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวของกับการศึกษาได้ปฏิบัติตาม
และเข้าใจตรงกัน
2. เป็นแผนการปฏิบัติงานของครูในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
3. เป็นมาตรฐานในการจัดการศึกษาระดับต่าง ๆ
4. เป็นแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของผู้เรียนตามจุด
มุ่งหมายของการศึกษา
5. เป็นเครื่องกำหนดแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อให้
ได้รับประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ชุมชน และสังคม
6 .เป็นตัวกำหนดลักษณะและรูปแบบของสังคมในอนาคต และเป็นเครื่องชี้วัดความ
เจริญก้าวหน้าของประเทศ
7. เป็นแผนการดำเนินงานของผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานตามนโยบาย
ของการจัดการศึกษา
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
ตอบ หลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
1. วิสัยทัศน์
1.1. มุ่งพัฒนาผู้เรียนมีความสมดุลด้านร่างกายความรู้คู่คุณธรรม
1.2. มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก
1.3. ยึดมั่น
ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
1.4. มีความรู้และทักษะพื้นฐาน
เจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต
1.5. ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ
2. หลักการ
2.1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภพของชาติ
มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมาย
สำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน
ใหม่ความรู้ทักษะเจตคติและคุณธรรม บนพื้นฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล
2.2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน
ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและมีคุณภาพ
2.3. เป็นหลกัสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจให้สังคมมีส่วนร่วมในการจดัการศึกษาให้สอดคล้องกับ
สภาพและความต้องการของท้องถิ่น
2.4. เป็นหลกัสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่น
ทั้งด้านสาระการเรียนรู้เวลาและการจดัการเรียนรู้
2.5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสา
หรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์
3. จุดหมาย
3.1. มีคุณธรรม
จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรม
ของพระพุทธศาสนา
หรือศาสนาที่ตนนับถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3.2. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสารการคิดการแก้ปัญหาการใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต
3.3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
มีสุขนิสัยและรักการออกกำลังกาย
3.4. มีความรักชาติมีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลกยึดมั่น
ในวิถีีชีวิตและการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
3.5. มีจิตสา
นึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยการอนุรักษ์พัฒนาสิ่งแวดล้อม
มีจิตสาธารณะที่
มุ่งประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม
และอยู่ร่วมกัน ในสังคมอย่างมีความสุข
4. สมรรถนะทีสำคัญของผู้เรียน
4.1. ความสามารถในการสื่อสาร
4.2. ความสามารถในการคิด
4.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5.1. รักชาติ
ศาสตร์ กษัตริย์
5.2. ซื่อสัตย์สุจริต
5.3. มีวินัย
5.4. ใฝ่ เรียนรู้
5.5. อยู่อย่างพอเพียง
5.6. มุ่งมั่นในการทำงาน
5.7. รักความเป็นไทย
5.8. มีจิตสาธารณะ
6. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
6.1. ภาษาไทย
6.2. คณิตศาสตร์
6.3. วิทยาศาสตร์
6.4. สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม
6.5. สุขศึกษาและพลศึกษา
6.6. ศิลปะ
6.7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี
6.8. ภาษาต่างประเทศ
7. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
7.1. 1. กิจกรรมแนะแนว
7.2. 2. กิจกรรมนักเรียน
7.3. 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
8. ระดับการศึกษา
8.1. 1. ระดับ
ประถมศึกษา (ชั้น ประถมศึกษาปีที่1-6)
8.2. 2. ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน้
(ชั้น มัธยมศึกษาปีที่1-3)
8.3. 3. ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย(ชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลายปีที่4-6)
3.ศึกษาทำความเข้าใจเพิ่มเติมจากวิชัย วงษใ์หญ่และมารุต พัฒผล จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตร
สถานศึกษา
:กระบวนทัศน์ใหม่การพัฒนากรุงเทพฯ : บริษัทจรัลสนิทวงศ์การพิมพ์จำกัด 2552
ตอบ หลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา
1. หลักสูตรแกนกลาง หมายถึง หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2544 มีรายละเอียดแสดงให้เห็นกรอบทิศทางในการจัดทำ หลักสูตรสถานศึกษาตั้งแต่ชั้น
ประถมศึกษาปีที่1จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 สามารถนา ไปใช้จัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยรวมทั้งสำหรับการจดัการศึกษาทุกกลุ่ม
เช่น การศึกษาพิเศษ การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ เป็นต้น
โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียน
2. หลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง หลกัสูตรระดับท้องถิ่นซึ่งสถานศึกษานำขอ้มูลสภาพที่เป็นปัญหา
หรือความต้องการในชุมชนและสังคมภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว
ชุมชน สังคม และประเทศชาติ มาจัดทำสาระของหลักสูตร และจัดการเรียนรู้โดยยึดหลักสูตรการศึกษาขั้น
พื้นฐานเป็นกรอบหรือแนวทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
3. มาตรฐานการเรียนรู้หมายถึงข้อกำหนดคุณภาพผู้เรียนดา้นความรู้ทักษะกระบวนการคุณธรรมจริยธรรม
และค่านิยม ของแต่ละกลุ่มเพื่อใช้เป็นจุดมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียนใหม่คุณลกัษณะที่พึงประสงค์ซึ่งกำหนดเป็น
2
ลักษณะคือ มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาข้นั พื้นฐานเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น
เป็นมาตรฐานการเรียน รู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้เมื่อผู้เรียนจบในแต่ละช่วงชั้น
คือชั้นประถมศึกษาปีที่3และ6และชั้นมัธยมศึกษาปีที่3และ6 การเสนอร่างหลกัสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา(ฉบับปรับปรุง)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.)ได้นำร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐานฉบับ ปรับปรุง เสนอให้คณะกรรมการการศึกษาข้นั
พื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณา ซึ่งร่างหลักสูตรนี้ยังคงจัดโครงสร้างหลักสูตรเป็น 8กลุ่มสาระวิชาได้แก่สาระวิชาาภาษาไทย
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ
การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ
สำหรับเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น
เปลี่ยนตัวชี้วัดเป็นรายปีจากที่เคยกำหนดเป็นตัวชี้วัดช่วงชั้น และเขียนตัวชี้วัดให้อ่านง่ายเข้าใจมากขึ้น
ที่สำคัญมีการกำหนดกรอบการจดัสรรเวลาเรียนสำหรับแต่ละระดับชั้นด้วย โดยระดับประถมศึกษาให้มีเวลาเรียนวันละประมาณ 4-5 ชั่วโมงระดับ ม.ต้น วันละประมาณ 5-6 ชั่วโมง ระดับม.ปลายไม่น้อยกว่าวันละ
6 ชั่วโมง
อีกทั้งยังมีการกำหนดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มวิชาโดยกลุ่มวิชาภาษาไทยและกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์
ระดับ ป.1
– ป.3ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำ ปีละ200 ชั่วโมง ชั้น ป.4-ป.6 ปี ละ160 ชั่วโมง ม.ต้น ปีละ120 ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย รวม 3 ปีต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ 240 ชั่วโมง กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และสังคมศึกษาใหม่เวลาเรียนไม่น้อยกว่า
ปีละ80 ชั่วโมง ในระดับ ป.1 – ป.6ม.ต้นปี ละ120 ชั่วโมง ม.ปลายรวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่นอ้ยกวา่ 240 ชั่วโมง กลุ่มวิชาสุขศึกษาฯ
,การงานฯ และศิลปะ ระดับ ป.1 - ม.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำ ปีละ80 ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย
รวม 3 ปีต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมงกลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ ป.1 – ป.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นปี ละ40 ชั่วโมง ป.4-ป.6 .ปี ละ80 ชั่วโมง ม.ตน้
ปีละ120 ชั่วโมงม.ปลายรวม 3 ปีต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า
240 ชั่วโมง นอกจากนั้น ให้มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนปีละ120 ชั่วโมงด้วย อย่างไรก็ดีได้มอบให้สถานศึกษาจัดสรรเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาและรายวิชาที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นให้เหมาะสมทั้งหมด
ระดับประถมศึกษาจะมีเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาไม่เกินปีละ1,000 ชั่วโมง ต่อวิชา ม.ต้น ไม่เกินปีละ1,200 ชั่วโมง ต่อวิชาและ
ม.ปลายรวม 3 ปีต้องมีเวลาเรียนไม่เกิน 3,600 ชั่วโมงในแต่ละวิชา
นางเบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษากล่าววา่
กรรมการ กพฐ. ได้รับร่างหลักสูตรไปพิจารณาแล้ว
โดยที่ประชุมมีความเห็นว่าตัวชี้วัดปรับใหม่นั้น ควรจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนการสอนที่สร้างกระบวนการคิดให้กับเด็กไม่ต้องการให้ตัวชี้วัดส่งเสริมการเรียนแบบเน้นเนื้อหาเพราะความรู้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถา้เด็กรู้จกกกระบวนการเรียนรู้แล้ว
จะนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ ความรู้ใหม่ๆหลักสูตรที่ปรับปรุงใหม่ต้องมีการจัดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชา
เพราะหลักสูตรเดิมให้โรงเรียนจัดสรรเวลาเรียนแต่ละวิชาผลทำให้การจัดการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกนั
มากส่วนใหญ่ร.ร.จะจัดเวลาเรียนให้วิชาใดมากหรือน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับครูที่ตัวเองมีเพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำ
ในการจดัสรรเวลาเรียนแต่ละวิชาไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว ทาง สพฐ.จะนำร่างหลักสูตรฯ
ไปจัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นใน 4 ภูมิภาคแล้วนำความเห็นที่ได้ากการประชาพิจารณา
รวมทั้งความเห็นของ กพฐ. มาปรับปรุงร่าง หลักสูตรฯ อีกครั้งก่อนนำหลักสูตรไปใช้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น